ศิลปะ หมายถึง ผลแห่งความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่แสดงออกมาในรูปลักษณะต่างๆ ให้ปรากฏซึ่งสุนทรียภาพ ความประทับใจ หรือความสะเทือนอารมณ์ ตามประสบการณ์ รสนิยม และทักษะของบุคคลแต่ละคน นอกจากนี้ยังมีนักปราชญ์ นักการศึกษา ท่านผู้รู้ได้ให้นิยามความหมายของศิลปะแตกต่างกันออกไป ศิลปะ คือ การเลียนแบบธรรมชาติ การแสดงออกของบุคลิกภาพทางอารมณ์ของมนุษย์ การสื่อสารอย่างหนึ่งระหว่างมนุษย์ การระบายความปรารถนาในใจของศิลปินออกมา การแสดงออกของผลงานด้านต่างๆที่สร้างสรรค์ จากความหมายและคำนิยามทางศิลปะที่ได้นำมากล่าวอ้างไว้ข้างต้น จะเห็นได้ว่าผลงานที่เรียกกันว่าเป็น “ศิลปะ”จะมีทัศนะที่แตกต่างกันออกไป ยากที่จะหาข้อสรุปที่แน่นอนหรือกำหนดลักษณะของงานศิลปะได้โดยในแต่ละยุคสมัยท่านผู้รู้ได้กำหนดความหมายของศิลปะไปตามบริบทของตนเอง ซึ่งย่อมจะมีความแตกต่างหรือเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคม สิ่งแวดล้อม และความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีอย่างไรก็ตาม ก็เป็นที่ยอมรับกันในประการหนึ่งว่า ผลงานที่ถือว่าเป็นงานศิลปะจะต้องเป็นงานที่มีการสร้างสรรค์ ไม่ใช่เกิดขึ้นมาเองกล่าวคือ “จะต้องมีมนุษย์เป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานนั้นๆ ส่วนคำว่า ทัศนศิลป์ ( visual art ) เป็นศัพท์ที่ได้รับการบัญญัติขึ้นใช้ในวงการศิลปะเมื่อประมาณ 30 ปีที่ผ่านมา จุดมุ่งหมายที่บัญญัติศัพท์“ทัศนศิลป์” ขึ้นมา ก็เพื่อจำแนกความแตกต่างหรือแยกลักษณะการรับรู้ของมนุษย์ทางด้านศิลปะให้มีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้เพราะแต่เดิมนั้นผลงานทางด้านทัศนศิลป์จะถูกผนวกรวมเข้าและถือเป็นส่วนหนึ่งของงาน “วิจิตรศิลป์” ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจว่างานทัศนศิลป์จะต้องเป็นผลงานที่มีความละเอียดประณีตบรรจง และมีความงดงามเท่านั้น <!--[if !supportLineBreakNewLine]--> <!--[endif]--> | |
ประเภทของงานทัศนศิลป์ | จิตรกรรม เป็นงานศิลปะที่แสดงออกด้วยการวาด ระบายสี และการจัดองค์ประกอบความงามอื่น เพื่อให้เกิดภาพ 2 มิติ ไม่มีความลึกหรือนูนหนา จิตรกรรมเป็นแขนงหนึ่งของทัศนศิลป์ ผู้ทำงานจิตรกรรม มักเรียกว่า จิตรกร การจำแนก จิตรกรรมภาพวาด (Drawing) จิตรกรรมภาพวาด เรียกเป็นศัพท์ทัศนศิลป์ภาษาไทยได้หลายคำ คือ ภาพวาดเขียน ภาพวาดเส้น หรือบางท่านอาจเรียกด้วยคำทับศัพท์ว่า ดรอวิ้ง ก็มี ปัจจุบันได้มีการนำอุปกรณ์ และเทคโนโลยีที่ใช้ในการเขียนภาพและวาดภาพ ที่ก้าวหน้าและทันสมัยมากมาใช้ ผู้เขียนภาพจึงจึงอาจจะใช้อุปกรณ์ต่างๆมาใช้ในการเขียนภาพ
<!--[if !supportLists]--><!--[endif]-->5. จิตรกรรมแผง(Panel Painting) ประติมากรรม เป็นงานศิลปะที่แสดงออกด้วยการปั้น แกะสลัก หล่อ และการจัดองค์ประกอบความงามอื่น ลงบนสื่อต่างๆ เช่น ไม้ หิน โลหะ สัมฤทธิ์ ฯลฯ เพื่อให้เกิดรูปทรง 3 มิติ มีความลึกหรือนูนหนา ประติกรรมเป็นแขนงหนึ่งของทัศนศิลป์ ผู้ทำงานประติมากรรม มักเรียกว่า ประติมากร งานประติมากรรม แบ่งเป็น 3 ประเภท ตามมิติของกความลึก ได้แก่
สถาปัตยกรรม (Architecture) เป็นผลงานศิลปะที่แสดงออกด้วยการก่อสร้างสิ่งก่อสร้าง อาคาร ที่อยู่อาศัยต่าง ๆ การวางผังเมือง การจัดผังบริเวณ การตกแต่งอาคาร การออกแบบก่อสร้าง ซึ่งเป็นงานศิลปะ ที่มีขนาดใหญ่ต้องใช้ผู้สร้างงานจำนวนมาก และเป็นงานศิลปะ ที่มีอายุยืนยาว สถาปัตยกรรม เป็นวิธีการจัดสรรบริเวณที่ว่างให้เกิดประโยชน์ใช้สอยตามความต้องการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับ ศาสตร์ในสาขาต่าง ๆ เช่น วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมวิทยา มานุษยวิทยา และศิลปะ ความงดงาม และคุณค่าของสถาปัตยกรรม ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ ดังนี้ คือ 1. การจัดสรรบริเวณที่ว่างให้สัมพันธ์กันของส่วนต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก 2. การจัดรูปทรงทางสถาปัตยกรรมให้เหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอย และสิ่งแวดล้อม 3. การเลือกใช้วัสดุให้เหมาะสมกลมกลืน สถาปัตยกรรมแบ่งออกได้ 2 ชนิด คือ 1. ชนิดที่สร้างขึ้นเพื่อให้มนุษย์เข้าไปอาศัยอยู่ หรือประกอบกิจกรรมต่าง ๆ เช่น อาคาร บ้านเรือน โบสถ์ วิหาร ศาลา ฯลฯ 2. ชนิดที่สร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ใช้สอยอย่างอื่น ๆ เช่น อนุสาวรีย์ เจดีย์ สะพาน เป็นต้น ผู้สร้างสรรค์งานสถาปัตยกรรม เรียนว่า สถาปนิก (Architect) ภาพพิมพ์ โดยความหมายของคำย่อมเป็นที่เข้าใจชัดเจนแล้วว่า หมายถึงรูปภาพที่สร้างขึ้นมา โดยวิธีการพิมพ์ แต่สำหรับคนไทยส่วนใหญ่เมื่อพูดถึง ภาพพิมพ์อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักว่าภาพพิมพ์ คืออะไรกันแน่ เพราะคำๆนี้เป็นคำใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้กันมาประมาณเมื่อ 30 ปี มานี้เอง ภาพพิมพ์ทั่วไปมีลักษณะเช่นเดียวกับจิตรกรรมและภาพถ่าย คือตัวอย่างผลงานมีเพียง 2 มิติ ส่วนมิติที่ 3 คือ ความลึกที่จะเกิดขึ้นจากการใช้ ภาษาเฉพาะของทัศนศิลป์ อันได้แก่ เส้น สี น้ำหนัก และพื้นผิว สร้างให้ดูลวงตาลึกเข้าไปในระนาบ 2 มิติของผิวภาพ แต่ภาพพิมพ์มีลักษณะเฉพาะที่ แตกต่างจากจิตรกรรมตรงกรรมวิธีการสร้างผลงานที่จิตรกรรมนั้น ศิลปินเป็นผู้สร้างสรรค์ขีดเขียน หรือวาดภาพระบาย สีลงไปบนผืนผ้าใบ กระดาษ หรือสร้างออกมาเป็นภาพโดยทันที แต่การสร้างผลงาน ภาพพิมพ์ศิลปินต้องสร้างแม่พิมพ์ขึ้นมาเป็นสื่อก่อน แล้วจึงผ่านกระบวนการพิมพ์ ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพที่ต้องการได้ |
วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2555
ศิลปะ หมายถึง
วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555
เทคโนโลยีการนำข้อมูลเข้าคอมพิวเตอร์
สำหรับ งาน บาง ประเภท ที่ ต้อง มี การ ป้อน ข้อ มูล เป็น ประจำ อย่าง ต่อ เนื่อง เช่น สำนัก งาน ทะเบียน ราษฎร หรือ สำนัก งาน ประจำ สาย การ บิน งาน เกี่ยวกับการ ป้อน ข้อ มูล เข้า ระบบ computer มี ความ จำ เป็น มาก และ เป็น
งาน ที่ เสีย เวลา และ แรง งาน งาน ป้อน ข้อ มูล จึง จำ เป็น ต้อง อาศัย เทคโนโลยี สมัย ใหม่ เข้า ช่วย
ทางด้าน อุปกรณ์ ป้อน ข้อ มูล เข้า Input แบ่ง ได้ เป็น 5 กลุ่ม ใหญ่ๆ ซึ่ง ไม่ รวม ถึง input ด้วย ระบบ สื่อ สาร ข้อ มูล
กลุ่ม ที่ 1 ได้ แก่ กลุ่ม ที่ ป้อน ด้วย ตัว อักษร นั่น นั่น คือ แป้น พิมพ์ หรือ keyboard ซึ่ง จะ อ่าน ตัว อักษร และ ตัว เลข จาก แป้น พิมพ์ ตาม ที่ ผู้ พิมพ์ กด เข้า ไป เก็บ ไว้ ใน Computer การ ป้อน ข้อ มูล เข้า แบบ ตัว อักษร อีก แบบ หนึ่ง คือ ประเภท บัตร เจาะ รู เครื่องอ่าน บัตร เจาะ รู จะ อ่าน เป็น รหัส อักขระ ตาม ที่ ผู้ ใช้ เจาะ ไว้ แต่ ปัจจุบัน บัตร เจาะ รู ไม่ ได้ ใช้ กัน แล้ว
บัตร เจาะ รู กลุ่ม ที่ 2 ได้ แก่ กลุ่ม ที่ ป้อน ข้อ มูล ด้วย อุปกรณ์ ชี้ ตำแหน่ง การ ป้อน แบบ นี้ มี ลักษณะ เป็น การ ป้อน แบบ Graphic อุปกรณ์ ที่ เด่น ชัด คือ Mouse ปากกา แสง Joystick Trackball
กลุ่ม ที่ 3 เป็น การ อ่าน ข้อ มูล เป็น รูป ภาพ เข้า มา เก็บ ใน computer ได้ แก่ พวก Scanner , OCR หรือเครื่องอ่าน ตัว อักษร จาก ภาษา ที่ แสดง ได้ (ปัจจุบัน OCR ใน ภาษา อังกฤษ ได้ ผล เป็น ที่ น่า พอ ใจ แต่ สำหรับ ภาษา ไทย
ยัง ไม่ ประสพ ผล สำเร็จ) เครื่องอ่าน รหัส แถบ (Bar code)
กลุ่ม ที่ 4 เป็น การ ป้อน ข้อ มูล ด้วย เสียง ได้ แก่ ระบบ การ จด จำ เสียง พูด (Speech recognition) เป็น ระบบ ทบ ทวน และ ตรวจ สอบ เสียง ปัจจุบัน ยัง ไม่ ได้ ผล พอ ที่ จะ นำ มา ใช้ งาน อย่าง จริง จัง เนื่อง จาก เสียง ของ คน แต่ ละ คน ต่าง กัน
แม้ แต่ คน คน เดียว กัน พูด สอง ครั้ง ยัง ไม่ เหมือน กัน จึง ยัง นำ มา ใช้ เป็น มาตร ฐาน ไม่ ได้
กลุ่ม ที่ 5 เป็น กลุ่ม ที่ ป้อน ข้อ มูล ด้วย ตัว ตรวจ จับ พิเศษ เช่น Switch, Sensor วัด ด้าน อุณหภูมิ ความ ดัน แล้ว เปลี่ยน เป็น สัญญาณอนา ลอก เป็น ดิจิตอล การ ป้อน ข้อ มูล แบบอัตโนมัตเป็น ระบบ ที่ ใช้ ใน การ ควบ คุมเครื่องจักร อุปกรณ์ ต่างๆ
แป้น พิมพ์ อุปกรณ์อินพุตขั้น พื้น ฐาน
การ พิมพ์ เป็น เทคโนโลยี ที่ เก่า แก่เครื่องพิมพ์ ดีดเครื่องแรก ของ โลก มี หลัก ฐาน ยืน ยัน ว่า มี ผู้ ประดิษฐ์ มา แล้ว เกือบ 300 ปี แต่เครื่องพิมพ์ ดีด ที่ ได้ รับ การ จด ทะเบียน และ บัน ทึก หลัก ฐาน ไว้ โดย เ ?นรี่ มีล เมื่อ วัน ที่ 7 มกราคม พ.ศ . 2257 พัฒนา การ ของพิมพืดีด ก็ ก้าว หน้า ขึ้น มา เป้นลำ ดับ ครั้น ถึง ยุค สมัย อิเล็กทรอนิกส์ และ คอมพิวเตอร์ แป้น พิมพ์ ดีด จึง ได้ รับ การ นำ มา ใช้ เป้นอุ ปกรณ์ ป้อน ตัว อักษร ให้กับคอมพิวเตอร์ ตั้ง แต่ ยุค แรกๆโดย เริ่ม จาก การ ป้อน ผ่าน บัตร เจาะ รู แล้ว ให้เครื่องอ่าน บัตร เจาะ รู อีก ครั้ง หนึ่ง การ ป้อน ข้อ มูล ตัว อักขระ ใน ยุค แรก จึง เน้น การ ป้อน ข้อ มูล เข้า ด้วย รหัส ทา งบ ริษัทไอบีเอ็มได้ กำหนด รหัส ตาม โซน
ของ รู ที่ เจาะ ซึ่ง เรียก ว่า รหัส เอปซี ดิก มา จน ถึง ปัจจุบัน
ความ เป็น มา ใน การ หา วิธี ป้อน ข้อ มูล ด้วย วิธี อื่น
การ สั่ง งาน คอมพิวเตอร์ ด้วย แป้น พิมพ์ ตัว อักขระ ยัง สร้าง ความ ยุ่ง ยาก ต่อ ผู้ ใช้ ใน บางเรื ่อ ง เช่น ต้อง จด จำ ข้อ ความ ที่ เป็น คำ สั่ง การ ป้อน คำ สั่ง จะ ต้อง ใช้ ตัว อักษร หลาย ตัว เรียง ต่อ เนื่อง กัน ทำ ให้ เสีย เวลา ระยะ หลัง จึง มี คน คิด พยายาม หา
วิธี การ ป้อน ข้อ มูล ใน รูป แบบ อื่น โดย เฉพาะ สัญลักษณ์ ทา งก รา ฟิก เนื่อง จาก สามารถ สื่อ ความ หมายกับผู้ ใช้ ได้ ดี กว่า ตัว อักษร เสีย อีก ดัง นั้น ระบบ คอมพิวเตอร์ ใน สมัย ปัจจุบัน จึง หัน มา ใช้ ระบบ GUI-Graphic User Interface กัน มาก และ มี แนว ทางที่ จะ แพร่ หลาย ต่อ ไป อีก ใน โอกาส ข้าง หน้า
จุด เริ่ม ต้น ของ ความ พยายาม หา อุปกรณ์อินพุตมา ช่วย งาน โดย เฉพาะ ใน ระบบ ของ การ ติด ต่อกับคอมพิวเตอร์ มี มาก กว่า 30 ปี แล้ว และ มี การ พัฒนา ให้ ดี ขึ้น เรื่อยๆเป็น ลำ ดับ จน ถึง ปัจจุบัน โดย เฉพาะ อย่าง ยิ่ง ใน ช่วง หลัง จาก ปีค .ศ . 1980 เป็น ต้น มา มี การ พัฒนา อุปกรณ์ ช่วยอินพุตแบบ ต่างๆ ขึ้น มา ใช้ กัน มาก
กระดาษสเก็ตช์เป็น จุด เริ่ม ต้น
กระดาษสเก็ตช์ถือ ได้ ว่า เป็น อุปกรณ์อินพุตที่ ใช้กับก รา ฟิก รุ่น แรก จุด เริ่ม ต้น ของ กระดาษสเก็ตช์เริ่ม จาก นายอิเวน อี. ซูเธ อร์แลนด์ (Ivan E. Sutherland) ได้ ออก แบบ สร้าง ขึ้น ใน ขณะ ที่ เขา เป็น นัก ศึกษา ปริญญา เอก ที่เอ็มไอ ที เมื่อ
ปีค.ศ . 1962 และ เสนอ วิทยา นิพนธ์ ด้วย การ ใช้ กระดาษสเก็ตช์เป็น อุปกรณ์อินพุตสำหรับ ระบบกรา ฟิก เพื่อ การ เขียน รูป ระบบกรา ฟิก ที่ ใช้ นี้ ได้ รับ การ พัฒนา บนเครื่องเมนเฟรม คอมพิวเตอร์ TX-2 ของเอ็มไอ ที ดัง รูป
ใน ระหว่าง นั้น อุปกรณ์อินพุตที่ ใช้ กำหนด รูป ภาพ ทา งก รา ฟิก มี ให้ ใช้ แล้ว คือ ปากกา แสง แต่ ปากกา แสง มี ข้อ จำกัด คือ ใช้ กำหนด จุด การ ลาก เส้น แต่ กระดาษสเก็ตช์ยัง ให้ ราย ละเอียด เพิ่ม เติม ได้ อีก เช่น กำหนด ขนาด ของ เส้น ความ สัมพันธ์ ของ รู ปก รา ฟิก ซูเธอร์แลนด์ได้ พัฒนา ระบบกรา ฟิก ที่ ใช้ หลัก การ ของวินโดว์มี การ ขยาย หรือ ย่อ ภาพ ได้
เรื่อง ราว เกี่ยวกับเม้าส์
ช่วง ปี ค.ศ . 1950-1960 การ ใช้ อุปกรณ์ ชี้ ตำแหน่ง ที่ รู้ จัก กัน ดี คือ ปากกา แสง การ ใช้ ปากกา แสง จะ ต้อง ชี้ ตำแหน่ง ลง ไป บน จอ ภาพ และ ต้อง ยก ออก จาก จอ ภพ ไป มา ทำ ให้ ยุ่ง ยาก ต่อ การ ใช้ และ ที่ สำคัญ คือ เทคโนโลยี ของ ปากกา แสง ต้อง รอ ให้ จอ ภาพสแกน
จุด สว่าง วิ่ง ไป ทั้ง จอ เพื่อ ซิงก์กับตัว รับ ที่ ปากกา จึงต้งอาศัย เทคนิค ที่ ยุ่ง ยาก ซับ ซ้อน และ ทำ ให้ มี ราคา แพง
ใน ปี ค.ศ . 1964 Engelbart ได้ ทำ การ ทด สอบ อุปกรณ์ ชี้ ตำแหน่ง ที่ มี ใน ขณะ นั้น ซึ่ง ได้ แก่ ปากกา แสง จอยสติ๊ก ตลอด จน อุปกรณ์ ลาก เส้น กราฟ ที่ ต่อกับโพ เทนซิ โอ มิเตอร์ เขา พบ ว่า อุปกรณ์ ชี้ ตำแหน่ง เหล่า นั้น ยัง ใช้ งาน ได้ ไม่ ดี นัก โดย เฉพาะ การ ที่ จะ ใช้ ชี้ ตำ แห น่งและ ลาก เส้น บาง อย่าง ไป ด้วย กัน พลัน เขา ก็ นึก ไป ถึง อุปกรณ์ ที่ เขา ใช้ ร่วมกับเพื่อน ร่วม ชั้น ใน ปี ค.ศ . 1940 ที่ ใช้ ใน การ วัด พื้น ที่ ที่ เรียก ว่า พลา นิ มิเตอร์ (planimeter) ซึ่ง ประกอบ ด้วย แขน สอง แขน พร้อม ลูก ล้อ ที่ ติดกับแขน ลูก ล้อ นั้น จะ เลื่อน หมุน ไป ตาม แกน คือ แกน X และ
แกน Y ใน ขณะ ที่ เลื่อน ปลาย แขน ไป และ หาก เขา ติด โพ เทนซิ โอ มิเตอร ไว้ ที่ ลูก กลิ้ง ที่ หมุน บอก ตำแหน่ง แกน X และ แกน Y เขา ก็ น่า จะ ทำ อุปกรณ์ ชี้ ตำแหน่ง ให้กับคอมพิวเตอร์ ได้ และ จุด นี้ เอง เป็น ต้น เหตุ ให้ เกิด ความ คิด ใน การ ออก แบบ เมาส์ที่ มี ใช้ ใน ยุค ต่อ มา
เมาส์ตัว แรก ยัง มี ขนาด ใหญ่ เพราะ ต้อง ใช้ แกน หมุน ของ โพ เทนซิ โอ มิเตอร์ การ หมุน นี้ จะ เป็น สัด ส่วน ของ การ เลื่อนเคอร์เซอร์ไป ตาม แกน X และ แกน Y การ เลื่อนเคอร์เซอร์ไป มา
ใน ระบบ คอมพิวเตอร์ จึง ทำ ได้ โปรแกรม คอมพิวเตอร์ ก็ สามารถ ควบ คุม การ ทำ งาน การ ตรวจ สอบ และ ใช้ ใน การ ชี้ ตำแหน่ง ได้ ง่าย
หัน มา ใช้ ลูก บอล เล็ก
กลุ่ม ของ Engelbart ได้ พัฒนา เมาส์ต่อ ไป อีก จน กระทั่ง สามารถ หา สัด ส่วน ของ การ หมุน โพ เทนซิ โอ มิเตอร์กับการ เคลื่อน ที่ จริง บน จอ ภาพ เพื่อ ให้ ง่ายต่อ การ ควบ คุม และ ใน ที่ สุด ก็ ได้ พัฒนา มา เป็น ลูก บอล เล็กๆที่ กลิ้ง ไป มา ได้ ทุก ทิศ ทา ง เพื่อ เลื่อน แกน หมุน สอง แกน ของ โพ เทนซิ โอ มิเตอร์
อย่าง ไร ก็ ตาม ใน ระยะ หลัง ได้ มี การ พัฒนา กล ไก ให้ สามารถ ใช้ งาน ง่ายขึ้น เช่น ใช้ การ เปลี่ยน สัญญาณ จากอะนา ลอก เป็นดิจิตอ ล การ ใช้ แสง ส่อง พื้น โดย มีกริดเล็กๆ บอก ตำแหน่ง การ เคลื่อน ที่ ไป มา เมาส์จึง มี รูป ร่า งอ ยาง ที่ เห็น
เมาส์ถูก นำ มา ประยุกต์ จน เป็น ที่ แพร่ หลาย อย่าง รวด เร็ว เพราะ บริษัท ซีล็อกซ์ได้ พัฒนา ระบบ GUI ใช้วินโดว์เมนู ใน รูป แบบ ที่ ใช้ ตัว ชี้ ตำแหน่ง ช่วย จึง เป็น จุด ขยาย ตัว ของ การ ใช้ เมาส ์ หลังจานั้น ต่อ มา แอปเปิ้ล ลิ ซ่า และแมคอินทอช ก็ หัน มา ใช้ เมาส์เป็น อุปกรณ์ ประจำ สำหรับ การ ใช้ ชี้ ตำแหน่ง เมาส์จึง ได้ รับ การ กล่าว ถึง และ แพร่ หลาย คุ้น เคย
กับผู้ ใช้ เป็น อย่าง ยิ่ง
ใน ปัจจุบัน เมาส์ได้ เข้า มา มี บท บาท สำคัญ ใน ระบบวินโดว์ ตลอด จน การ ชี้ ตำแหน่ง ในเวอร์กสเตชัน ใน ระบบ โอ เอสทู ระบบ ไมโคร ซอฟต์วินโดว์ ดัง รูป
เส้น ทางการ พัฒนา ระบบยูสเซอร์อินเตอร์เฟสที่ ใช้ เมาส์เป็น ตัว ชี้ ตำแหน่ง สงคราม ปุ่ม กด
ใน ยุค แรก ของ SRI ที่ ทำ การ พัฒนา เมาส์ได้ กำหนด ให้ มี ปุ่ม กด 3 ปุ่ม เรียง กัน บริษัท ซีล็อกซ์ก็ ใช้ ปุ่ม กด 3 ปุ่ม เช่น กัน ใน ขณะ ที่ เมาส์ของ บริษัท แอปเปิ้ลที่ เอา มา ใช้กับเครื่องแมคอินทอช ใช้ ปุ่ม กด เพียง ปุ่มเ ดียว และ จัด เป็น อุปกรณ์อินพุตหลัก สำคัญ ใน ระบบ (ดู ที่ รูป)
แต่ ที่ เมาส์ของ บริษัท อื่น ทั้ง หมด ที่ ใช้ กัน ใน ขณะ นี้ ใช้ ปุ่ม กด 2 หรือ 3 ปุ่ม ลักษณะ การ กด ปุ่ม และ จะ ใช้ กี่ ปุ่ม ดี จะ มี มาตร ฐาน ที่ ใช้ อย่าง ไร คง ต้อง ติด ตาม กัน ต่อ ไป ส่วน ขนาด และ รูป ร่าง ของ เมาส์มี ขนาด 6 x 10 เซนติเมตร ซึ่ง พอ เหมาะกับมือ ของ ผู้ ใช้
นอก จาก สงคราม ปุ่ม กด แล้ว สงคราม ขั้น ต่อ มา คือ ลักษณะ ของวินโดว์และ ตำแหน่ง ต่างๆที่ ผู้ ใช้ จะ สามารถ เชื่อม ติด ต่อด ้ว ย ลักษณะ ของ เมนู การ ทำ Pop หรือ Pull ลักษณะ ของไดอะลอก ที่ ใช้ ตอบ สนองกับผู้ ใช้ ตลอด จน รูป ร่าง ของ สัญลักษณ์ บน จอ ภาพ
ตัว อย่าง ของ สัญลักษณ์ ที่ ออก แบบ ให้ แตก ต่าง กัน ดิจิไต เซอร์
ดิจิไต เซอร์เป้นชื่อ ย่อๆของ การ เรียก ดิจิไตซิ่งแท็บเล็ต ซึ่ง เป็น อุปกรณ์อินพุตของ ไมโคร คอมพิวเตอร์ โดย ทั่ว ไป จะ ประกอบ ด้วย กระดาน หนึ่ง แผ่นกับอุปกรณ์ ชี้ ตำแหน่ง บาง ที เรา เรียก ว่า ทรานซดิวเซอร์ กระดานแท็บเล็ตเป็น กระดาน เรียบ เพื่อ ใช้ เป้นพื้น ที่ สำหรับ การ เขียน รูป
ตัว อย่าง การ ใช้ดิจิไตซิ่งแท็บเล็ตใน งาน CAD บน กระดานแท็บเล็ตจะ ประกอบ ด้วย เส้น ลวด แนว แกน ดิ่ง และ แนว แกน นอน ที่ ใช้ ใน การ แทน โค ออร์ดิ เนต ทางแกน X และ Y เส้น ลวด ภาย ใน ตรวจ สอบสนาม แม่ เหล้กที่ ส่ง ออก มา เพื่อ เหนี่ยว นำ ลวด ทางแกน X และ Y ชี้ บอก ตำแหน่ง X,Y
สเปก ของดิจิไตซิ่งแท็บเล็ตที่ สำคัญ คือ ความ ละเอียด ของ การ กำหนด ตำแหน่ง หรือ เรียก ว่า รี โซลูชัน ค่า ของ รี โซลูชัน จะ เป้นตัว บอก ว่า จุด ที่ อยู่ บน กระดานแท็บเล็ตนี้ มี ระยะ ห่าง น้อย ที่ สุด เท่าไดที่ จะ แยก ออก จาก กัน ได้ หาก ผู้ ผลิต ใช้ ค่า รี โซลูชัน เป็น 200 เส้น ต่อ นิ้ว (lpi) ก็ หมาย ความ ว่า กระดาน ขนาด 12 x 12 นิ้ว ค่า ความ ละเอียด ของ จุด ใน แนว
แกน ทั้ง สอง จะ แสดง จุด ได้ จาก โค ออร์ดิเนต 0-2400 หรือ ค่า ความ ละเอียด บน กระดานแท็บเล็ตนี้ เท่ากับ 1/200 นิ้ว
ส่วน ค่า ความ ถูก ต้อง (accuracy) เป็น ค่า ที่ ใช้ บอก ความ ถูก ต้อง ของ การ ตรวจ สอบ เทียบกับมาตร ฐาน ที่ รู้ เช่น การ วัด ความ ถูก ต้อง ของ ผู้ ผลิต กำหนด ไว้ จาก 0.001-0.035 นิ้ว ซึ่ง ค่า ความ ถูก ต้อง นี้ จะ สัมพันธ์กับจำนวน เส้น ต่อ นิ้ว
การ ต่อ เชื่อมกับคอมพิวเตอร์ จะ มี ส่วน ที่ สำคัญ อีก ส่วน หนึ่ง คือ การ ส่ง ข้อ มูล ซึ่ง ส่วน ใหญ่ ต่อ เชื่อม แบบ อนุกรม และ อัตรา การ ส่ง คือ การ สื่อ สาร ที่ จะ ส่ง ข้อ มูล ได้ กี่ จุด ต่อ วินาที
การอินพุตด้วย รูป ภาพ
รูป ที่ ใช้ ใน งาน ทางด้าน คอมพิวเตอร์ เป้นจุด เล็กๆเรียง ต่อ กัน แต่ ละ จุด จะ เป็น เพียง จุด ขาว ดำ หรือ มี สัด ส่วน ความ เข้ม หรือ สี ใน ปัจจุบัน อุปกรณ์ ที่ เรียก ว่าอิมเมจสแกนเนอร์เป็น อุปกรณ์ ที่ มี ราคา ไม่ แพง นัก สแกนเนอร์ที่ ใช้ มือ ถือ (ดู ภาพ ประกอบ ใน รูป ที่ 7)อัน หนึ่ง ราคา ไม่ ถึง หนึ่ง หมื่น บาท สแกนเนอร์ชนิดสแกน ที ละ แผ่น ก็ เป็น อุปกรณ์อินพุ ตอ ย่าง หนึ่ง ที่ จะ อ่าน ค่า ภาพ เข้า ไป เก็บ ได้
ภาพ ที่ อ่าน ได้ จะ ผ่าน การ กำหนด เป็น จุด ของ ข้อ มูล ดัง นั้น หาก ภาพ หนึ่ง มี ราย ละเอียด และสแกนเนอร์ให้ ความ ละเอียด ได้ 300 จุด ต่อ นิ้ว ดัง นั้น ข้อ มูล ขนาด 12 x 12 นิ้ว จะ มี ข้อ มูล ที่ ต้อง เก็บ มาก มาย มหาศาล เท่ากั บ 12 x 12 x 300 x 300 สแกนเนอร์โดย ทั่ว ไป จะ เชื่อม ต่อกับระบบ ไมโคร คอมพิวเตอร์ โดย มี ระบบ ฮาร์ดแวร์ พิเศษ ควบ คุม ทั้ง นี้ เพราะ ต้อง นำ ข้อ มูล มหาศาล เก็บ เข้า ไว้ ใน หน่วย ความ จำ หรือดิสค ์ ดัง นั้น จึง ต้อง มี ขบวน การ ดีเอ็มเอ พิเศษ ช่วย ประกอบ ด้วย
จากสแกนเนอร์เมื่อ เก็บ ภาพ ได้ ภาพ ที่ ได้ จะ เป็น ตัว อักษร และ มี ซอฟแวร์ที่ พัฒนา ขึ้น มา แปรค่า ให้ เป้นตัว อักษร ที่ รู้ จัก กัน ดี เรา เรียก ระบบ นี้ ว่า OCR-Optical Character Reader คือ ระบบ การ รู้ นำ ตัว อักษร ระบบ นี้ กำลัง ได้ รับ การ พัฒนา ให้ ดี ขึ้น เป็น ลำ ดับ อย่าง ไร ก็ ตาม ระบบ นี้ ยัง มี ข้อ ยุ่ง ยาก ทางด้าน ทฤษฎี และ การ แปรค่า ความ ถูก ต้อง ของ การ แปรความ หมาย
อัน เป็น เรื่อง สำคัญ ยิ่ง
บาร์ โค้ด หรือ รหัส แถบ
บาร์ โค้ด หรือ รหัส แถบ ได้ รับ การพัฒนาานาน กว่า 20 ปี แล้ว รหัส แถบ นี้ ได้ รับ การ ประยุกต์ ใช้ งาน ใน ห้าง สรรพ สิน ค้า โรง งาน อุตสาหกรรม การ ทหาร อุตสาหกรรม การ ผลิต การ ประกัน ภัย ฮลฮ รหัส แถบ นี้ เป็น เสมือน สัญลักษณ์ ที่ ใช้ แถบ รหัส ซึ่ง ต้อง อาศัยเครื่องอ่าน จึง จะ แปรค่า ตัว เลข หรือ ตัว อักษร นั้นๆออก มา
รหัส แถบ ที่ ใช้ ใน ยุค ต้นๆใช้ รหัส ที่ ชื่อ UPC-Universal Product Code ซึ่ง ได้ รับ การ ศึกษา และ ออก แบบ มาก ว่า 20 ปี แล้ว และ หลัง จาก นั้น ก็ มี การ เสนอ แนว ความ คิด ที่ ใช้ แถบ รหัส เพื่อ จุด ประสงค์ อื่น และ เน้น ให้ มี การ ถอด รหัส ได้ ง่ายและ ไม่ ผิด พลาด
ใน ปัจจุบัน ความ ต้อง การ ใช้ รหัส แถบ มี มาก ขึ้น จึง ต้อง มี การ สร้างเครื่องถอด รหัส มา ใช้ ในซูเปอร์มาเก็ตใช้ รหัส แถบ ที่ มี ตัว เลข 11 ตัว เพื่อ ใช้ ใน การ แยก แยะ ชนิด ของ สิน ค้า และ เมื่อเครื่องถอด รหัส ได้ ก็ จะ มอง หา ราคา ใน แฟ้ม ราคา แล้ว พิมพ์ ราย การ หรือ รวม ยอด ให้
เครื่องถอด รหัส แถบ จึง ต้อง มี จุด มุ่ง หมาย ให้ อ่าน แถบ รหัส และ แปรค่า โดย มี ความ ต้อง การพิเ ศษของ การ ใช้ รหัส แถบ ดัง นี้
แถบ ที่ ใช้ กัน นั้น ใช้ หลัก การ ของเดลต้าคอมมูนิเคชั่นใน การ กำหนด รหัส ลอง พิจารณา จาก รูป รหัส แบบเดลต้าเป็น วิธี ที่ ง่ายมาก โดย การ แบ่ง เป็นโมดูลย่อยๆ ที่ จะ กำหนด ค่า 0 หรือ 1 โมดูล 1 จะ แทน ด้วย ช่อง ว่าง สี ขาว หรือ แถบ ดำ หนึ่ง แถบ จึง แทน ตัว เลข 0 หรือ 1หลายโมดูล ส่วน อีก แบบ หนึ่ง เรา เรียก ว่า รหัส ความ กว้าง โดย ใช้ ความ กว้าง สอง ขนาด แทน ตัว เลข 0 หรือ 1 ลอง พิจารณา จาก รูป ที่ 8 จะ เห็น ว่า เรา เริ่ม ที่ 1 ใช้ แถบ กว้าง แต่ ถ้า รหัส ตัว ต่อ มา เป็น 0 ก็ จะ ได้ แถบ ขาว ที่ แคบ กว่า และ ถ้า มี การ เปลี่ยน ค่า ก็ จะ เปลี่ยน ขนาด ด้วย
สิ่ง ที่ สำคัญ ของ การ ถอด รหัส คือเครื่องสแกน อ่าน รหัส แถบ จะ มี ความ เร็ว ใน กา รส แกน ไม่ เท่าก ั น เช่น เครื่องแส กน ที่ ใช้ มือ ถือ ดัง นั้น จึง ต้อง คำนึง ถึง เรื่อง นี้ เป็น สำคัญ อย่าง ไร ก็ ตาม อาจ ต้อง หา วิธี การ ซิงโครไนซ ์ เพื่อ เป็น ตัว กำ หน ความ กว้าง ใน ตัว เอง เสมือน เป็น สัญญาณ นาฬิกา
รู้ จักกับรหัส UPC
UPC-Universal Product Code เป็น รหัส ที่ ใช้ ใน การ แทน รหัส สิน ค้า ที่ ใช้ ใน การ แทน รหัส สิน ค้า ที่ ใช้ ใน ห้าง สรรพ สิน ค้า ขอ งอเมริ กัน มาก ว่า 15 ปี แต่ ละ รหัส
ประกอบ ด้วย ตัว เลข 12 หลัก ตัว เลข แต่ ละ ตัว ใช้ รหัส แบบ 7 โมดูล โดย มี แถบ บาร์ สี ดำ และ ขาว อย่าง ละ 2 แถบ เรา จะ เรียก การ แทนรหส UPC แต่ ละ ตัว ว่า รหัส delta(7,2) คือ ใช้ หลัก การเดลต้ า 7 โมดูล 2 คู่ แถบ ดำ ขาว
ตัว เลข แต่ ละ ตัว แบ่ง แถบ ออก มา เป็น บาร์ ได้ ดัง รูป ซึ่ง จะ เห็น ได้ ว่า เรา แบ่ง รหัส ตามโมดูลให้ มี แถบ ดำ สอง แถบ และ ขาว สอง แถบ อย่าง ไร ก็ ตาม การ กำ หนดรหัส นี้ จะ
ต้อง คำนึง ถึง การ อ่าน ด้วย เพราะ จาก สภาพ การ อ่าน จริง เรา สามารถ อ่าน แถบ จาก ซ้าย ไป ขวา หรือข วา ไป ซ้าย ก็ ได้ ดัง นั้น รหัส ที่ แทน ตัว เลข ทุก ตัว จะ ต้อง อ่าน ได้ จาก ซ้าย ไป ขวา หรือ ขวา ไป ซ้าย โดย ไม่ ซ้ำกับรหัส อื่น
การ แทน รหัส UPC ของ ตัว เลข 0-9 แสดง ได้ ดัง ตา ราง
ซึ่ง จาก ตา ราง จะ เห็น ว่า เลข ที่ 1แถบ รหัส จะ เป็น 2,2,2,1 หมาย ถึง แถบ กว้าง 2 หน่วย กลับ กัน ถ้า จาก ซ้าย เป็น 00110001 จะ เป็น แถบ ขาว กว้าง สองโมดูล แถบ ดำ สองโมดู ล ขาง สองโมดูลและ ดำ หนึ่งโมดูล สังเกต ว่า 2,2,2,1 เมื่อ กลับ ข้าง จาก ขวา จะ เป็น รหัส 1,2,2,2 ซึ่ง ก็ ไม่ ไป ซ้ำกับรหัส ใด ดัง นั้น เมื่อเครื่องอ่าน ย้อน กลับ ก็ ได้ รหัส 1,2,2,2
จึง ไม่ ซ้ำกับรหัส ใด ที่ จะ ทำ ให้ ผิด พลาด ได้
รหัส UPC ที่ อยู่ ใน แถบ สิน ค้า แสดง ดัง รูป ที่ 10 รหัส ที่ อยู่ บน UPC แบ่ง โซนตัว เลข เป็น ดัง นี้
จาก นี้ จัง มี การ กำหนด รหัส แถบ เป็น แบบ อื่น อีก เช่น รหัส 128 เป็น รหัส แบบเดลต้ า 11 โมดูล 3 คู่ แถบ แทน รหัส แต่ ละ ตัว ได้ 106 ตัว ซึ่ง นำ มา ใช้ ใน การ แทน ตัว อักษร เหมือน รหัส แอ สกี ได้ ตา ราง ข้าง ต้น เป็น ตา ราง ที่ สรุป ถึง รหัส แถบ แบบ ต่างๆ ซึ่ง มี วิธี การ กำหนด เป็น มาตร ฐาน ตลอด จน การ ใช้ งาน กัน ใน โอกาส ต่างๆ เพราะ รหัส
UPC แทน ได้ เฉพาะ ตัว เลข 0-9 ย่อม ไม่ เพียง พอ จึง ต้อง มี รูป แบบ อย่าง อื่น เข้า มา ช่วย เสริม รหัส แถบ ที ใช้ ใน ปัจจุบัน กำลัง พัฒนา ไป ใน ด้าน การ ประยุกต์ และ จะ มี บท บาท
ที่ สำคัญ ใน งาน ต่าง ๆ อีก มาก แม้ แต่ บัตร เอ ทีเอ็มก็ มี การ บัน ทึก ใน แถบ แม่ เหล็ก แบบ รหัส แถบ อนาคต ยัง ต้อง พัฒนา ต่อ ไป ด้วย เทคโนโลยี ที่ มี การ พัฒนา ให้ ก้าว หน้า เช่น นี้ จะ มี อุปกรณ์อินพุตอีก หลาย รูป แบบ ที่ นำ มา ใช้ ใน งาน ด้าน ต่างๆ เช่น OMR-Optical Mark Reader ที่ ใช้ ใน การ ตรวจ สอบ ระบบ รับ รู้ เสียง พูด เป็น ต้น
อย่าง ไร ก็ ตาม เทคโนโลยี หลาย อย่าง ยัง คง ต้อง พัฒนา และ มี แนวโน้มที่ จะ เป็น ไป ได้ เช่น การ อ่าน ข้อ ความ ให้ คอมพิวเตอร์ เสมือน การ พิมพ์ การ อ่าน ภาพ และ แปล ความ หมาย ใน ลักษณะ ที่ เรียก ว่า image processing ฮลฮ ก็ เห็น จะ ต้อง คอย ติด ตาม ดู ระบบอินพุตที่ จะ พัฒนา ต่อ ไป ว่า จะ พัฒนา ก้าว หน้า ได้ สัก เพียง ไร
งาน
ทางด้าน
กลุ่ม
บัตร
กลุ่ม
ยัง
กลุ่ม
แม้
กลุ่ม
แป้น
การ
ของ
ความ
การ
วิธี
จุด
กระดาษสเก็ตช์เป็น
กระดาษสเก็ตช์ถือ
ปีค.ศ
เรื่อง
ช่วง
จุด
ใน
แกน Y ใน
เมาส์ตัว
ใน
หัน
กลุ่ม
อย่าง
เมาส์ถูก
กับผู้
ใน
เส้น
ใน
นอก
ตัว
ดิจิไต
ตัว
สเปก
แกน
ส่วน
การ
การอินพุตด้วย
รูป
ภาพ
จากสแกนเนอร์เมื่อ
อัน
บาร์
บาร์
รหัส
ใน
เครื่องถอด
รหัสความเชื่อ ถือ ใน การ อ่าน และ ถอด รหัส ให้ ถูก ต้อง
ต้องลด ต้น ทุน การ พิมพ์ รหัส แถบ
สามารถถอด รหัส ให้ ได้ ถึง แม้ รหัส จะ มี ความ หนา แน่น ของ แถบ สูง
ต้องทำ ให้เครื่องอ่าน มี ราคา ถูก ลง
สิ่ง
รู้
UPC-Universal Product Code เป็น
ประกอบ
ต้อง
การ
ซ้าย (คู่) | ขวา | ความ | |
0 | 0001101 | 1110010 | 3,2,1,1 |
1 | 0011001 | 1100110 | 2,2,2,1 |
2 | 0010011 | 1101100 | 2,1,2,2 |
3 | 0111101 | 1000010 | 1,4,1,1 |
4 | 0100011 | 1011100 | 1,1,3,2 |
5 | 0110001 | 1001110 | 1,2,3,1 |
6 | 0101111 | 1010000 | 1,1,1,4 |
7 | 0111011 | 1000100 | 1,3,1,2 |
8 | 0110111 | 1001000 | 1,2,1,3 |
9 | 0001011 | 1110100 | 3,1,1,2 |
จึง
รหัส UPC ที่
แถบกำหนด ของ ซ้าย ใช้ ตัว รหัส 101
ตัวเลข 6 ตัว แบบ คี่ (คอลัมน์ซ้าย ใน ตา ราง ที่ 1) เลข หลัก แรก แทน ประเภท อุตสาหกรรม เช่น
0 เป็นประเภท ของ ชำ
3 เป็นประเภท ยา
เลขห้า หลัก ต่อ มา คือ รหัส ผู้ ผลิต
แถบกำหนด กึ่ง กลาง (01010)
ตัวเลข 6 ตัว แบบ คู่ (คอลัมน์ขวาน ตา ราง ที่ 1) เลข ห้า หลัก แทน รหัส ชนิด หนึ่ง หลัก เป็น ตัว เลข check digit
ชื่อ | โมดูล | จำนวน | จำนวนโมดูล |
UPC | delta (7,2) | 10 | 7 |
Codel128 | delta (11,3) | 106 | 11 |
Codel93 | delta (9,3) | 48 | 9 |
Codel39 | Width (8,3) | 44 | 13.5 (ค่า |
Codebar | Width (7,2) | 16 | 10 |
นอกแถบกำหนด ของ ขวา
UPC แทน
ที่
อย่าง
การวาดภาพ
การวาดภาพ (Drawing) หลักการวาดเขียนเบื้องต้น
ผู้ที่เริ่มฝึกหัดวาดเขียนใหม่ๆ มักมีปัญหาว่าจะเขียนอะไรก่อนและเขียนอย่างไร ทั้งนี้เพราะสิ่งที่เป็นแบบในการวาดเขียนนั้นมีหลายประเภทและมีส่วนของราย ละเอียดต่างๆมากมาย จนไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร สิ่งที่มองเห็นไม่ว่าจะเป็นรูปทรง แสง เงา และพื้นผิว ชนิดต่างๆ ก่อให้เกิดความซับซ้อนจนผู้ที่ฝึกวาดเขียน มองเห็นว่ายากเกินไปที่จะจับลักษณะสำคัญได้
ผู้ที่เริ่มฝึกหัดวาดเขียนใหม่ๆ มักมีปัญหาว่าจะเขียนอะไรก่อนและเขียนอย่างไร ทั้งนี้เพราะสิ่งที่เป็นแบบในการวาดเขียนนั้นมีหลายประเภทและมีส่วนของราย ละเอียดต่างๆมากมาย จนไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร สิ่งที่มองเห็นไม่ว่าจะเป็นรูปทรง แสง เงา และพื้นผิว ชนิดต่างๆ ก่อให้เกิดความซับซ้อนจนผู้ที่ฝึกวาดเขียน มองเห็นว่ายากเกินไปที่จะจับลักษณะสำคัญได้
เปรียบเสมือนการสร้างบ้าน เราไม่สามารถเริ่มต้นด้วยการมุงหลังคา ติดประตูหน้าต่างหรือเดินสายไฟก่อน แต่จะเริ่มต้นด้วยการตั้งเสาและคาน ซึ่งเป็นโครง สร้างทั้งหมดของบ้านเสียก่อน เมื่อโครงสร้างถูกต้อง มั่นคงแข็งแรงดีแล้ว จึงไล่ลำดับไปสู่การมุงหลังคา ทำฝาผนัง ทำพื้น ตกแต่งภายใน กับการเขียนภาพก็เช่นเดียวกัน ผู้เขียนภาพจะต้องพิจารณาหุ่นต้นแบบอย่างละเอียดถี่ถ้วนเสียก่อน แล้วจะค้นพบและเข้าใจโครงสร้างของหุ่นต้นแบบจากนั้นก็จะกลาย เป็นเรื่อง ง่ายเพราะลำดับวิธีการที่ถูกต้องนั่นเอง
วาดเส้น (Drawing)
การวาดเส้นมีวิธีการและขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากโดยใช้เส้นต่างๆ แสดงถึงลักษณะการเคลื่อนไหวของเส้น น้ำหนักของเส้น และความมั่นใจในการวาดเส้น สิ่งที่ี่ผู้ฝึกควรฝึกด้วยตัวเองในขั้นแรกให้เขียนเส้นตรง เส้นตั้ง และเส้นเอียง เส้นเฉียงซ้ำๆ กัน ฝึกฝนจนเกิดความชำนาญในการใช้เส้น-ผสานกับมือและสายตา โดยให้สังเกตจากแสงเงาเป็นตัวกำหนดน้ำหนัก
เคล็ดไม่ลับ
การวาดเส้นมีวิธีการและขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากโดยใช้เส้นต่างๆ แสดงถึงลักษณะการเคลื่อนไหวของเส้น น้ำหนักของเส้น และความมั่นใจในการวาดเส้น สิ่งที่ี่ผู้ฝึกควรฝึกด้วยตัวเองในขั้นแรกให้เขียนเส้นตรง เส้นตั้ง และเส้นเอียง เส้นเฉียงซ้ำๆ กัน ฝึกฝนจนเกิดความชำนาญในการใช้เส้น-ผสานกับมือและสายตา โดยให้สังเกตจากแสงเงาเป็นตัวกำหนดน้ำหนัก
เคล็ดไม่ลับ
“ การเลือกมุมที่จะเขียนก็นับว่าเป็นส่วนส่งเสริมกำลังใจให้มุ่งมั่นในการวาดเขียนได้อย่างดี หากเลือกมุมที่เขียนยาก สังเกตน้ำหนัก แสง เงา หรือรูปทรง ไม่ชัดเจน ถ่ายทอดด้วยการวาดเขียนลำบาก อาจทำให้กำลังใจท้อถอยได้ง่ายในทางตรงกันข้ามถ้าเลือกมุมที่สังเกต เห็นความงามของหุ่นต้นแบบทุกด้าน อย่างชัดเจนและสามารถถ่ายทอดออกมาได้ดั่งใจ ตามระดับฝีมือของผู้เขียนก็จะทำให้มีกำลังใจมีความอยากเขียนวาดภาพได้อย่างต่อเนื่องและสนุกกับการวาด ”
**ข้อสังเกต**
การเลือกมุมมองเพื่อวาดเขียนอย่างง่ายๆ โดยทั่วไปคือ ควรเลือกมุมที่สามารถมองเห็นแสงมองเห็น
น้ำหนักอ่อน แก่ ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนบนหุ่นต้นแบบได้ชัดเจนทุกจุด
**ข้อสังเกต**
การเลือกมุมมองเพื่อวาดเขียนอย่างง่ายๆ โดยทั่วไปคือ ควรเลือกมุมที่สามารถมองเห็นแสงมองเห็น
น้ำหนักอ่อน แก่ ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนบนหุ่นต้นแบบได้ชัดเจนทุกจุด
ลักษณะของเส้น (CHARACTERISTICS OF LINE)
ลักษณะของเส้นก็คือคุณค่าทางกายภาพของเส้นนั่นเอง ขนาดและทิศทางของเส้นจะมีลักษณะของความ
หมาย เช่นเดียวกับลักษณะนั้นๆ เช่น
ลักษณะที่ 1 เส้นดิ่ง และ เส้นตั้ง แสดงถึงความมั่นคงแข็งแรง,สง่า สงบ,คงอยู่ตลอดไป,มั่นคงถาวร,ไม่เคลื่อนไหว นิยมใช้สำหรับการเขียนภาพอาคาร อย่างเช่น สร้างรูปแบบของธนาคารที่มีเส้นตรงๆ ให้ความรู้สึกถึงความมั่นคงแข็งแรง ไม่ล้มง่าย หมายถึงความรู้สึกของผู้ที่เข้าไปฝากธนาคารด้วย อย่างนี้เป็นต้น
ลักษณะที่ 2 เส้นขนาน และ เส้นนอน แสดงถึงความรู้สึกไม่สิ้นสุดไปได้เรื่อยๆ ความสงบ,ความราบรื่น ความเรียบง่าย
ลักษณะที่ 3 เส้นเฉียง แสดงถึงความรู้สึกไม่มั่นคง,อันตราย,กำลังจะล้มแล้ว,โอนเอน,โอนอ่อนผ่อนตาม
ความไม่สมดุล
ลักษณะที่ 4 เส้นหยัก โดยใช้เส้นเฉียงมาต่อกันในลักษณะคล้ายๆ กับฟันปลา แสดงถึงความแหลมคม บาดเจ็บ,อันตราย,การทำลาย,การเคลื่อนไหวที่มีพลังอย่างต่อเนื่อง การขึ้นๆ ลงๆ ของดัชนีอย่างตลาดหุ้น ซึ่งมี
เป็นเส้นพารากราฟขึ้นมา
ลักษณะที่ 5 เส้นโค้ง แสดงถึงความอ่อนน้อม,นุ่มนวล
ลักษณะที่ 6 เส้นขยุกขยิก แสดงถึงความสับสน,ยุ่งเหยิง,วุ่นวาย,ตื่นเต้น
นอกจากลักษณะของเส้นแล้วยังมีทิศทางของเส้น ได้แก่แนวราบ แนวเฉียง แนวลึก แนวดิ่ง จากทิศทางก็เป็นขนาด ขนาดของเส้นนั้นไม่มีความกว้างมีแต่ความหนา ความบาง เส้นใหญ่หรือเส้นเล็ก ความหนาของเส้นจะต้องพิจารณาเปรียบเทียบกับความยาวเป็นหลัก เพราะเส้นที่สั้นมากจะมีความหนาดูคล้ายกับเป็นรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งจะหมดคุณสมบัติของเส้นจะกลายเป็นรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ลักษณะของเส้นก็คือคุณค่าทางกายภาพของเส้นนั่นเอง ขนาดและทิศทางของเส้นจะมีลักษณะของความ
หมาย เช่นเดียวกับลักษณะนั้นๆ เช่น
ลักษณะที่ 1 เส้นดิ่ง และ เส้นตั้ง แสดงถึงความมั่นคงแข็งแรง,สง่า สงบ,คงอยู่ตลอดไป,มั่นคงถาวร,ไม่เคลื่อนไหว นิยมใช้สำหรับการเขียนภาพอาคาร อย่างเช่น สร้างรูปแบบของธนาคารที่มีเส้นตรงๆ ให้ความรู้สึกถึงความมั่นคงแข็งแรง ไม่ล้มง่าย หมายถึงความรู้สึกของผู้ที่เข้าไปฝากธนาคารด้วย อย่างนี้เป็นต้น
ลักษณะที่ 2 เส้นขนาน และ เส้นนอน แสดงถึงความรู้สึกไม่สิ้นสุดไปได้เรื่อยๆ ความสงบ,ความราบรื่น ความเรียบง่าย
ลักษณะที่ 3 เส้นเฉียง แสดงถึงความรู้สึกไม่มั่นคง,อันตราย,กำลังจะล้มแล้ว,โอนเอน,โอนอ่อนผ่อนตาม
ความไม่สมดุล
ลักษณะที่ 4 เส้นหยัก โดยใช้เส้นเฉียงมาต่อกันในลักษณะคล้ายๆ กับฟันปลา แสดงถึงความแหลมคม บาดเจ็บ,อันตราย,การทำลาย,การเคลื่อนไหวที่มีพลังอย่างต่อเนื่อง การขึ้นๆ ลงๆ ของดัชนีอย่างตลาดหุ้น ซึ่งมี
เป็นเส้นพารากราฟขึ้นมา
ลักษณะที่ 5 เส้นโค้ง แสดงถึงความอ่อนน้อม,นุ่มนวล
ลักษณะที่ 6 เส้นขยุกขยิก แสดงถึงความสับสน,ยุ่งเหยิง,วุ่นวาย,ตื่นเต้น
นอกจากลักษณะของเส้นแล้วยังมีทิศทางของเส้น ได้แก่แนวราบ แนวเฉียง แนวลึก แนวดิ่ง จากทิศทางก็เป็นขนาด ขนาดของเส้นนั้นไม่มีความกว้างมีแต่ความหนา ความบาง เส้นใหญ่หรือเส้นเล็ก ความหนาของเส้นจะต้องพิจารณาเปรียบเทียบกับความยาวเป็นหลัก เพราะเส้นที่สั้นมากจะมีความหนาดูคล้ายกับเป็นรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งจะหมดคุณสมบัติของเส้นจะกลายเป็นรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้า
หน้าที่ของเส้น เส้นมีหน้าที่ที่พอจะจำกัดความได้ดังนี้
1.ใช้เป็นสำหรับการแบ่งพื้นที่ หรือที่ว่างให้แยกออกจากกัน
2.ใช้เป็นส่วนจำกัดพื้นที่ของรูปทรง
3.ใช้สร้างลักษณะต่างๆ ที่ศิลปินต้องการสร้างขึ้นมา เช่น สร้างเส้นตรง เส้นโค้งคด เส้นหยักฟันปลาหรือ
เส้นวงเป็นก้นหอย
4.ใช้สร้างความเป็น 2 มิติ และ 3 มิติให้แก่รูปทรง ให้เป็นรูประยะตื้น ลึก หนา บาง
5.ใช้แสดงแกนของสิ่งทั้งหลาย
6.ใช้สร้างให้เกิดทิศทางและการเคลื่อนไหว
7.ใช้สร้างให้เกิดแสงและเงา ด้วยการประสานเส้นโดยเส้นที่ถี่ และเส้นที่ห่าง
8.ใช้พัฒนาเทคนิคในการใช้เส้นของตัวเองที่ถ่ายทอดเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกที่อยากจะถ่ายทอด
ออกมาให้ได้ตรงที่สุด
1.ใช้เป็นสำหรับการแบ่งพื้นที่ หรือที่ว่างให้แยกออกจากกัน
2.ใช้เป็นส่วนจำกัดพื้นที่ของรูปทรง
3.ใช้สร้างลักษณะต่างๆ ที่ศิลปินต้องการสร้างขึ้นมา เช่น สร้างเส้นตรง เส้นโค้งคด เส้นหยักฟันปลาหรือ
เส้นวงเป็นก้นหอย
4.ใช้สร้างความเป็น 2 มิติ และ 3 มิติให้แก่รูปทรง ให้เป็นรูประยะตื้น ลึก หนา บาง
5.ใช้แสดงแกนของสิ่งทั้งหลาย
6.ใช้สร้างให้เกิดทิศทางและการเคลื่อนไหว
7.ใช้สร้างให้เกิดแสงและเงา ด้วยการประสานเส้นโดยเส้นที่ถี่ และเส้นที่ห่าง
8.ใช้พัฒนาเทคนิคในการใช้เส้นของตัวเองที่ถ่ายทอดเพื่อถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกที่อยากจะถ่ายทอด
ออกมาให้ได้ตรงที่สุด
ค่าของแสงและเงา แบ่งได้เป็น 6 ค่าระดับ
1.แสงสว่างที่สุด (HIGH LIGHT) เป็นส่วนของวัตถุที่กระทบแสงโดยตรง จึงจะทำให้บริเวณนั้นสว่างมากที่สุด
2.แสงสว่าง (LIGHT) เป็นส่วนของวัตถุที่ไม่ได้ปะทะกับแสงที่ส่องมาโดยตรง แต่อยู่ในอิทธิพลของแสงนั้นด้วย
3.เงา (SHADOW) อยู่ในส่วนรับอิทธิพลของแสงน้อยมาก
4.เงามืด (CORE OF SHADOW) อยู่ในส่วนที่ไม่ได้รับอิทธิพลของแสงเลย
5.แสงสะท้อน (REFLECTED LIGHT) บริเวณของวัตถุที่ไม่ได้รับแสงโดยตรง แต่เป็นการสะท้อนของแสง จากวัตถุใกล้เคียง
6.เงาตกทอด (CAST SHADOW) บริเวณที่เงาของวัตถุนั้นตกทอดไปตามพื้นหรือตามวัตถุอื่นที่รองรับน้ำหนักแก่กว่าบริเวณแสงสะท้อน
แสง – เงา
แสง-เงา = ความสว่างและความมืด มีผลต่อความรู้สึกและการรับรู้อิทธิพลของแสง เป็นสิ่งสำคัญในการที่ต้องศึกษา ทั้งในด้านความงามในธรรมชาติบนวัตถุ สามารถทำให้เกิดอารมณ์และความรู้สึก
ลำดับขั้นตอนในการร่างภาพ
1. สังเกตลักษณะของหุ่น
2. ร่างภาพโครงสร้างสัดส่วนให้เหมาะสมกับหน้ากระดาษ
วิธีการร่างภาพโครงสร้าง-สัดส่วนมีวิธีการดังนี้
2.1 ให้ลากเส้นตรงในแนวดิ่งหนึ่งเส้น
2.2 จากนั้นกำหนดส่วนสูงที่สุดของหุ่นและส่วนที่ต่ำที่สุดของหุ่นโดยการลากเส้นในแนวนอนให้ตั้งฉากกับเส้นดิ่ง
2.3 กำหนดความกว้างของหุ่นโดยประมาณ แล้วกำหนดสัดส่วนให้เท่ากัน
2.4 เมื่อกำหนดโครงสร้างรวมของหุ่นแล้ว จากนั้นให้เขียนเส้นโค้ง เส้นเว้า เพื่อให้โครงสร้างใกล้เคียงหุ่นมากที่สุด
3. ลงน้ำหนักรวมๆของหุ่น
4 .แรน้ำหนักพร้อมทั้งเก็บรายละเอียด
1.แสงสว่างที่สุด (HIGH LIGHT) เป็นส่วนของวัตถุที่กระทบแสงโดยตรง จึงจะทำให้บริเวณนั้นสว่างมากที่สุด
2.แสงสว่าง (LIGHT) เป็นส่วนของวัตถุที่ไม่ได้ปะทะกับแสงที่ส่องมาโดยตรง แต่อยู่ในอิทธิพลของแสงนั้นด้วย
3.เงา (SHADOW) อยู่ในส่วนรับอิทธิพลของแสงน้อยมาก
4.เงามืด (CORE OF SHADOW) อยู่ในส่วนที่ไม่ได้รับอิทธิพลของแสงเลย
5.แสงสะท้อน (REFLECTED LIGHT) บริเวณของวัตถุที่ไม่ได้รับแสงโดยตรง แต่เป็นการสะท้อนของแสง จากวัตถุใกล้เคียง
6.เงาตกทอด (CAST SHADOW) บริเวณที่เงาของวัตถุนั้นตกทอดไปตามพื้นหรือตามวัตถุอื่นที่รองรับน้ำหนักแก่กว่าบริเวณแสงสะท้อน
แสง – เงา
แสง-เงา = ความสว่างและความมืด มีผลต่อความรู้สึกและการรับรู้อิทธิพลของแสง เป็นสิ่งสำคัญในการที่ต้องศึกษา ทั้งในด้านความงามในธรรมชาติบนวัตถุ สามารถทำให้เกิดอารมณ์และความรู้สึก
ลำดับขั้นตอนในการร่างภาพ
1. สังเกตลักษณะของหุ่น
2. ร่างภาพโครงสร้างสัดส่วนให้เหมาะสมกับหน้ากระดาษ
วิธีการร่างภาพโครงสร้าง-สัดส่วนมีวิธีการดังนี้
2.1 ให้ลากเส้นตรงในแนวดิ่งหนึ่งเส้น
2.2 จากนั้นกำหนดส่วนสูงที่สุดของหุ่นและส่วนที่ต่ำที่สุดของหุ่นโดยการลากเส้นในแนวนอนให้ตั้งฉากกับเส้นดิ่ง
2.3 กำหนดความกว้างของหุ่นโดยประมาณ แล้วกำหนดสัดส่วนให้เท่ากัน
2.4 เมื่อกำหนดโครงสร้างรวมของหุ่นแล้ว จากนั้นให้เขียนเส้นโค้ง เส้นเว้า เพื่อให้โครงสร้างใกล้เคียงหุ่นมากที่สุด
3. ลงน้ำหนักรวมๆของหุ่น
4 .แรน้ำหนักพร้อมทั้งเก็บรายละเอียด
วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555
การทำความสะอาดบ้าน
การทำความสะอาดเพดาน ควรใช้ไม้กวาดหยากไย่กวาดใยแมงมุมออกให้สะอาดสัปดาห์ละครั้ง หรือทันทีที่พบเห็นเนื่องจากใยแมงมุมจะทำให้ฝุ่นละองงไปติดทำให้เพดานสกปรก ไม่สวยงานฝุ่นละอองฟุ้งกระจายเมื่อลมพัดวน ทำความสะอาดีควรหาพลาสติกมาคลุมสิ่งขอที่วางอยู่บนพื้น เพื่อป้องกันหยากใย่และฝุ่นละออกตกลงมาเลอะเทอะทำให้ไม่ต้องทำความสะอาดยาก เพราะเมื่อทำความสะอาดเสร็จก็รวบพลาสติกที่คลุมไปสะบัดฝุ่นออกเท่านั้น
การทำความสะอาดฝาผนัง ควรทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้ง ถ้าฝาผนังเป็นไม้กระดานให้ทำความสะอาดโดยใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดฝุ่นออกอีกครั้งแล้วนำผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ เช็ดให้ทั่วถ้าฝาผนังเป็นปูนอาจใช้ไม้กวาดดอกหญ้ากวาดลงเบาๆ แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด หรือถ้าสกปรกมาก เช่น เลอะคราบน้ำมันให้ใช้ฟองน้ำหรือแปรงขัดกับน้ำผงซักฟอกแล้วใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดให้สะอาด
การทำความสะอาดประตู หน้าต่าง ประตูหน้าต่างเป็นไม้ ให้เช็ดฝุ่นด้วยผ้าแห้งและใช้ไม้กวาดขนไก่ปัดฝุ่นก่อน แล้วจึงใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดอีกครั้ง แต่ถ้าประตูหน้าต่างเป็นกระจกควรเช็ดด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ ใช้ทีฉีดน้ำทีกระจก แล้วเช็ดด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์จนกระจกใสไม่มีรอยขุย
การทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ การทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ เช่น หลังตู้ บนโต๊ะ หรือชั้นวางของ ให้ใช้ไม้กวาดขนไก่ปัดฝุ่นออกก่อน เพื่อจะได้ทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง ถ้าตู้ โต๊ะ หรือชั้นวางของ สกปรกมาก อาจใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาด
การทำความสะอาดพื้น เมื่อทำความสะอาดส่วนอื่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงทำความสะอาดพื้นโดยเริ่มจากการกวาด ควรกวาดตามทิศทางลม เพื่อไม่ให้ฝุ่นย้อนกลับมา กวาดใต้ตู้ ใตโต๊ะ ใต้เตียง และซอกมุมต่าง ๆ ให้ทั่วด้วยการกวาดไปในทิศทางเดียวกัน แล้วกวาดมากองรวมกันไว้เพื่อให้โกยผลได้สะดวกก ถ้าพื้นปูพรมควรใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาด
การทำความสะอาดฝาผนัง ควรทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้ง ถ้าฝาผนังเป็นไม้กระดานให้ทำความสะอาดโดยใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดฝุ่นออกอีกครั้งแล้วนำผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ เช็ดให้ทั่วถ้าฝาผนังเป็นปูนอาจใช้ไม้กวาดดอกหญ้ากวาดลงเบาๆ แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด หรือถ้าสกปรกมาก เช่น เลอะคราบน้ำมันให้ใช้ฟองน้ำหรือแปรงขัดกับน้ำผงซักฟอกแล้วใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดให้สะอาด
การทำความสะอาดประตู หน้าต่าง ประตูหน้าต่างเป็นไม้ ให้เช็ดฝุ่นด้วยผ้าแห้งและใช้ไม้กวาดขนไก่ปัดฝุ่นก่อน แล้วจึงใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดอีกครั้ง แต่ถ้าประตูหน้าต่างเป็นกระจกควรเช็ดด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ ใช้ทีฉีดน้ำทีกระจก แล้วเช็ดด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์จนกระจกใสไม่มีรอยขุย
การทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ การทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ เช่น หลังตู้ บนโต๊ะ หรือชั้นวางของ ให้ใช้ไม้กวาดขนไก่ปัดฝุ่นออกก่อน เพื่อจะได้ทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง ถ้าตู้ โต๊ะ หรือชั้นวางของ สกปรกมาก อาจใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาด
การทำความสะอาดพื้น เมื่อทำความสะอาดส่วนอื่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงทำความสะอาดพื้นโดยเริ่มจากการกวาด ควรกวาดตามทิศทางลม เพื่อไม่ให้ฝุ่นย้อนกลับมา กวาดใต้ตู้ ใตโต๊ะ ใต้เตียง และซอกมุมต่าง ๆ ให้ทั่วด้วยการกวาดไปในทิศทางเดียวกัน แล้วกวาดมากองรวมกันไว้เพื่อให้โกยผลได้สะดวกก ถ้าพื้นปูพรมควรใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาด
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)